การดาวน์โหลดและการอัพโหลดไฟล์
1.ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการถ่ายโอนข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การ
โอนย้ายข้อมูล หรือที่นิยมเรียกกันว่า FTP เป็นการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันมากพอสมควรในอินเตอร์เน็ต
โดยอาจใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลรวมถึงโปรแกรมต่าง ๆ ทั้งที่เป็น freeware
sharewareจากแหล่ง
ข้อมูลทั้งหลายมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานอยู่
ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งที่กำหนดให้Serverของตนทำหน้าที่เป็น
FTP site เก็บรวบรวมข้อมูลและโปรแกรมต่าง ๆ สำหรับให้บริการ FTP
ที่นิยมใช้กันมากได้แก่WS_FTP, CuteFTP
การโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File
) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่อง
คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้
ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรี เช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้
ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์
จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น
FTP Commander
การโอนถ่ายข้อมูลหรือเอฟทีพี (File Transfer
Protocol - FTP) เป็นบริการหนึ่งของ อินเทอร์เน็ตหมายถึง
การดึงไฟล์จากคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ ของเรา
โดยที่เราสามารถคัดลอก ถ่ายโอนข้อมูล รูปภาพ เสียง วิดีโอและโปรแกรมต่าง ๆ
จากอินเทอร์เน็ตได้เอฟทีพีนี้เป็นวิธีการหลักในการส่งไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งมีคำที่เกี่ยวข้องอยู่
2 ลักษณะคือ
การดาวน์โหลด (Download) หมายถึง
การดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางมาเก็บไว้ยังเครื่องของเรา
โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การอัพโหลด (Upload) หมายถึง
การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ไปเก็บไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์
อีกเครื่องที่ปลายทาง โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับดาวน์โหลด
ประเภทของโปรแกรมที่ดาวน์โหลด
ใน ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สามารถที่จะดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน
ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้สามารถจัดแบ่งประเภทของโปรมแกรมออกเป็น 4 ประเภท คือ
แชร์แวร์
(Shareware)
แชร์แวร์ (Shareware) คือ
โปรแกรมรุ่นทดลองใช้ ซึ่งผู้ผลิตโปรแกรมจะให้เราดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาทดลองใช้
โดยจะกำหนดระยะเวลาในการใช้งาน เช่น 30 วัน หรือ 60 วัน
นับจากวันที่เราติดตั้งโปรแกรมเพื่อใช้งานในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
เมื่อครบตามระยะเวลาแล้วโปรแกรมนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้
หรือถ้าใช้งานได้โปรแกรมนี้จะไม่สมบูรณ์
รูปแบบของการใช้งานบางอย่างจะถูกระงับการใช้
เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาใช้งานในครั้งต่อไป โปรแกรมจะถามหมายเลขลงทะเบียน
ซึ่งผู้ใช้พอจะเข้าใจในการทำงานของโปรแกรมก็สามารถทำการสั่งซื้อโปรแกรม
เพื่อป้อนหมายเลขลงทะเบียนของโปรแกรมถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมซึ่งเป็นแชร์แวร์
ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นโปรแกรมจริง ซึ่งมีคุณสมบัติที่สมบูรณ์ในการใช้งานได้ทันที
เดโมแวร์
(Demoware)
เดโมแวร์ (Demoware) คือ โปรแกรมรุ่นทดลองใช้
มีลักษณะคล้ายกับโปรแกรมประเภทแชร์แวร์ แต้ถูกจำกัดขอบเขตของการใช้งาน
ซึ่งโปรแกรมรูปแบบเต็มอาจจะมีเมนูสำหรับการใช้งาน 5
เมนแต่โปรแกรมเดโมแวร์นั้นอาจจะเปิดให้เราสามารถใช้งานได้เพียง 2 เมนู
เป็นการให้ทดลองใช้เพียงบางส่วนของโปรแกรม แต่ลักษณะของโปรแกรมแชร์แวร์นั้นจะให้เราสามารถใช้งานได้ครบทุกส่วนของ
โปรแกรมแต่กำหนดระยะเวลาการทดลองใช้งาน
ซึ่งถ้าเราต้องการจะใช้งานจริงของโปรแกรมประเภทนี้จะต้องสั่งซื้อโปรแกรม
จากผู้ผลิตต่อไป
โปรแกรมรุ่นเบต้า
(Beta
Software)
โปรแกรมรุ่นเบต้า (Beta
Software) บางครั้งอาจจะเรียกว่า โปรอกรมรุ่นอัลฟา (Alfa
Software) ซึ่ง ในรูปแบบนี้
จะเป็นโปรแกรมรุ่นที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
ผู้ผลิตโปรแกรมมักจะนำโปรแกรมที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้มาใช้งาน
และเมื่อมีปัญหาใดในการใช้งาน
ก็ให้ผู้ใช้แจ้งกลับไปยังผู้ผลิตเพื่อนำไปปรับปรุงโปรแกรมต่อไป
ซึ่งเปรียบเสมือนให้ผู้ใช้โปรแกรมเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของโปรแกรม
โปรแกรมลักษณะนี้เมื่อเราดาวน์โหลดมาใช้งานแล้วอาจจะทำให้เกิดปัญหาในการใช้
งานมากมาย
หรือบางครั้งนำมาติตั้งเพื่องานในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่สามารถลบออก
จากหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
จึงควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะนำโปรแกรมเหล่านี้มาใช้งาน
โปรแกรมฟรี
(Freeware)
บน
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีโปรแกรมมากมายที่ให้บริการฟรี
ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้
หรือบางเว็บไซต์ก็จะเป็นตัวกลางที่ช่วยรวบรวมโปรแกรมฟรีเหล่านี้มาไว้ให้ผู้
ใช้ได้ดาวน์โหลดได้ง่ายขึ้นซึ่งโปรแกรมฟรีเหล่านี้อาจจะมีคุณสมบัติในการทำ
งานได้ดีเช่นเดียวกับเป็นโปรแกรมที่มีการซื้อขาทั่วไป
ขั้นตอนในการดาวน์โหลด
สามารถจัดแบ่งรูปแบบของการดาวน์โหลดข้อมูลออกเป็น
2 ประเภท คือ
1.การดาวน์โหลดไฟล์
1.คลิกFREEจะมีข้อความ
รอสักครู่
2.คลิกDownloadingรอสักครู่
3.บันทึกไฟล์
2.
การดาวน์โหลดประเภทรูปภาพ
การดาวน์โหลดประเภทรูปภาพสามารถทำได้หลายกรณี
เช่น บันทึกเป็นไฟล์ชนิดรูปภาพ บันทึกเป็นภาพ Background บันทึกเป็นภาพ
Desktop Item เป็นต้น
วิธีการบันทึกรูปภาพสามารถทำตามขั้นตอน
ดังต่อไปนี้
1. เมื่อเราคลิกรูปภาพแล้วปรากฏสัญลักษณ์นี้< แสดงว่าเราสามารถบันทึกได้
2. หรือว่าเมื่อเราคลิกรูปภาพ Mouse ด้านขาวมือ จะปรากฏเมนูขึ้น ให้เลือกที่ Save Picture As:
3. จะปรากฏหน้าต่าง Save Picture เพื่อกำหนด Drive และไฟลเดอร์ที่ Save in เพื่อบอกตำแหน่งที่ต้องการบันทึกรูปภาพ
4. กำหนดชื่อของรูปภาพ
5. Save as type:
คือนามสกุลของรูปภาพ
6.
เมื่อต้องการำรูปภาพไปเป็นภาพ Background บนหน้าจอของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เลือกที่
Set as Background
7. เมื่อเลือก Set as
Desktop Item… จะปรากฏข้อความเพื่อถามความแน่ใจ เพื่อทำรูปภาพเป็น Ihe
Active Desktop ที่ปรากฏบนหน้าจอ Desktop
8. เมื่อเลือกที่ E-mail
picture จะเป็นการส่งรูปภาพต่อไปให้เพื่อนทางอีเมล
เพื่อทำให้การส่งรูปภาพได้รวดเร็วขึ้น โดยคลิกที่ Make all my picture
smaller
9. แต่ถ้าต้องการให้รูปภาพมีขนาดเท่ากับขนาดของภาพจริง
ให้คลิกที่ keep
the originals sizes โดยจะปรากฏหน้าต่าง Send picture via
E-mail
10.
จะปรากฏหน้าต่างเพื่อให้กำหนดที่อยู่ของผู้รับ เพื่อส่งอีเมลได้ทันที
2.ความหมายของการ Down
Load และ Up Load
การดาวน์โหลด
(Download)
หมายถึง
การดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางมาเก็บไว้ยังเครื่องของเรา
โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การอัพโหลด (Upload) หมายถึง
การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ไปเก็บไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่ปลายทาง
โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับดาวน์โหลด
3.ประเภทของแฟ้มข้อมูล
ประเภทของแฟ้มข้อมูล (File Type) เราสามารถจำแนกแฟ้มข้อมูลออกตามลักษณะของข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้และสามารถแบ่งแฟ้มข้อมูลออกเป็น
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แฟ้มข้อมูลหลัก (Master File) เป็นแฟ้มข้อมูลซึ่งเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น แฟ้มข้อมูลประวัติ ลูกค้า (Customer
master file) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
แฟ้มข้อมูลประวัติผู้จัดส่งสินค้า (Supplier master file) แฟ้มข้อมูลสินค้าคงเหลือ
(Inventory master file) แฟ้มข้อมูลบัญชี (Account
master file) เป็นต้น
ซึ่งแฟ้มข้อมูลหลักเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของระบบงานบัญชี (Account system)
2. แฟ้มรายการปรับปรุง (Transaction
file) เป็นแฟ้มที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน
รายการที่เกิดขึ้นต้องนำไปปรับปรุงกับแฟ้มข้อมูลหลักเพื่อให้แฟ้มข้อมูลหลักมีข้อมูลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
การปรับปรุงแฟ้มข้อมูลสามารถทำได้หลายอย่าง
เช่น การเพิ่มรายการ (Add
record) การลบรายการ (Delete record) และการแก้ไขรายการ
(Edit)
การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล
(File
organization) มีวิธีการจัดได้หลายประเภท เช่น
1.
การจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลแบบตามลำดับ (Sequential File organization) ลักษณะการจัดข้อมูลรายการจะเรียงตามฟิลด์ที่กำหนด (Key field) เช่น เรียงจากน้อยไปหามากหรือจากมากไปหาน้อยหรือเรียงตามตัวอักษร
โดยส่วนมากมักจะใช้เทปแม่เหล็กเป็นสื่อในการเก็บข้อมูลซึ่งการเก็บโดยวิธีนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
2. การจัดระเบียนแฟ้มข้อมูลแบบตรงหรือแบบสุ่ม
(Direct or random file organization) โดยส่วนมากมักจะใช้จานแม่เหล็ก
(Hard disk) เป็นหน่วยเก็บข้อมูล
การบันทึกหรือการเรียกข้อมูลขึ้นมาสามารถเรียกได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านรายการอื่นก่อน
เราเรียกวิธีนี้ว่าการเข้าถึงข้อมูลโดยตรง (Direct access) หรือการเข้าถึงโดยการสุ่ม
(Random Access) การค้นหาข้อมูลโดยวิธีนี้จะเร็วกว่าแบบตามลำดับ
ทั้งนี้เพราะการค้นหาจะกำหนดดัชนี (Index) จะนั้นจะวิ่งไปหาข้อมูลที่ต้องการหรืออาจจะเข้าหาข้อมูลแบบอาศัยดัชนีและเรียงลำดับควบคู่กัน
(Indexed Sequential Access Method (ISAM) โดยวิธีนี้จะกำหนดดัชนีที่ต้องการค้นหาข้อมูล
เมื่อพบแล้วต้องการเอาข้อมูลมาอีกกี่ รายการก็ให้เรียงตามลำดับของรายการที่ต้องการ
ซึ่งการเก็บโดยวิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
อุปสรรคในการจัดการแฟ้มข้อมูลแบบดั้งเดิม
(Traditional
or Conventional file) คือ หน่วยสำรองข้อมูล (Storage) จะมีแฟ้มข้อมูลหลักอยู่และในแฟ้มข้อมูลหลัก (Master file) จะประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ (Data Element) เช่น A-Z
แต่ละแผนกก็จะต้องเขียนโปรแกรมประยุกต์ (Application
Program) ของงานตนเองขึ้นมา
ซึ่งแต่ละงานอาจจะมีการเรียกใช้แฟ้มข้อมูลร่วมกัน แสดงการใช้แฟ้มข้อมูลแบบดั้งเดิม
การจัดการแฟ้มข้อมูล (File Management) ในอดีตข้อมูลที่จัดเก็บไว้จะอยู่ในรูปของแฟ้มข้อมูลอิสระ
(Conventional File) ซึ่งระบบงานแต่ละระบบก็จะสร้างแฟ้มของตนเองขึ้นมาโดยไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
เช่น ระบบบัญชี ที่สร้างแฟ้มข้อมูลของตนเอง ระบบพัสดุคงคลัง (Inventory) ระบบการจ่ายเงินเดือน(Payroll) ระบบออกบิล (Billing)
และระบบอื่นๆต่างก็มีแฟ้มข้อมูลเป็นของตนเอง
หากมีการปรับปรุงแก้ไขก็จะทำเฉพาะส่วนจึงทำข้อมูลขององค์การ บางครั้งเกิดสับสนเนื่องจากข้อมูลขัดแย้งกันและในบางองค์การอาจจะมีการเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาที่เขียนที่ต่างกัน
เช่นภาษาโคบอล (COBOL language) ภาษาอาร์พีจี(RPG) ภาษาปาสคาล (PASCAL) หรือภาษาซี (C language)
ซึ่งมีลักษณะของแฟ้มข้อมูลที่สร้างด้วยภาษาที่ต่างกันก็ไม่สามารถจะใช้งานร่วมกันได้
จึงทำให้องค์การเกิดการสูญเสียในข้อมูล
ดังนั้นก่อนที่องค์การจะนำคอมพิวเตอร์มาใช้จะต้องมีการวางแผนถึงระบบการบริหารแฟ้มข้อมูล
การแบ่งประเภทของแฟ้มข้อมูลและการจัดระเบียบแฟ้มข้อมูล
การบริหารแฟ้มข้อมูลจะต้องมีการกำหนดโปรแกรมที่จะพัฒนาขึ้นมาว่าจะใช้ภาษาอะไร
มีหน่วยงานใดต้องใช้ ต้องการข้อมูลอะไร ข้อมูลที่แต่ละแผนกต้องการซ้ำกันหรือไม่
หรือมีข้อมูลอะไรที่ขาดหายไปและข้อมูลฟิลด์ไหนที่จะใช้เป็นคีย์ในการค้นหาข้อมูล
เช่น การสร้างแฟ้มประวัติลูกค้า
ประเภทของแฟ้มข้อมูล
(File
Type) เราสามารถจำแนกแฟ้มข้อมูลออกตามลักษณะของข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้และสามารถแบ่งแฟ้มข้อมูลออกเป็น
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.แฟ้มข้อมูลหลัก (Master File) เป็นแฟ้มข้อมูลซึ่งเก็บข้อมูลที่สำคัญ
เช่น แฟ้มข้อมูลประวัติ ลูกค้า (Customer master file) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
แฟ้มข้อมูลประวัติผู้จัดส่งสินค้า (Supplier master file) แฟ้มข้อมูลสินค้าคงเหลือ
(Inventory master file) แฟ้มข้อมูลบัญชี (Account
master file) เป็นต้น
ซึ่งแฟ้มข้อมูลหลักเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของระบบงานบัญชี (Account system)
2.แฟ้มรายการปรับปรุง (Transaction file) เป็นแฟ้มที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน
รายการที่เกิดขึ้นต้องนำไปปรับปรุงกับแฟ้มข้อมูลหลักเพื่อให้แฟ้มข้อมูลหลักมีข้อมูลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
4.ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ให้การดาวน์โหลด
ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ให้ดาวน์โหลด
1.ฟรีแวร์
ฟรีแวร์ (freeware) หมายถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นและสามารถนำไปใช้ได้ในทุกจุดประสงค์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
(เช่นราคาขายหรือค่าลิขสิทธิ์)
ฟรีแวร์เป็นลักษณะก้ำกึ่งระหว่างซอฟต์แวร์พาณิชย์และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ
คืออนุญาตให้กลุ่มผู้พัฒนามีส่วนร่วมในการสร้างซอฟต์แวร์
แต่ก็ไม่เผยแพร่รหัสต้นฉบับสู่สาธารณชนเพื่อรักษาความลับทางการค้า
2.แชร์แวร์ (Shareware)
แชร์แวร์ คือ
โปรแกรมที่ถูกจำกัดความสามารถไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้โปรแกรม
โดยหากสนใจใช้โปรแกรมอย่างครบทุกความสามารถ
จึงจ่ายเงินเป็นค่าลงทะเบียนให้ผู้พัฒนาโปรแกรม
ประโยชน์ของการขายโปรแกรมด้วยวิธีนี้คือ
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็สามารถใช้โปรแกรมได้
และยังได้สร้างความคุ้นเคยในการใช้งานให้ผู้ใช้ด้วย
รวมถึงเป็นการแนะนำสินค้าที่ดีวิธีหนึ่ง ส่วนความสำเร็จของผู้เขียนโปรแกรมแชร์แวร์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
ผู้ใช้ที่ทดลองใช้โปรแกรมไปแล้วตัดสินใจลงทะเบียน
5.โปรแกรมที่ใช้สำหรับการดาวน์โหลด
1. Flashgetไม่ต้องสงสัยอะไรเลยเกี่ยวกับโปรแกรมตัวนี้ Flashget เป็นโปรแกรมที่ประสิทธิภาพสูงตัวนึงและมีประวัติที่ยาวนานนับสิบปี
นับตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกที่ใช้ชื่อว่า Jetcar เป็นโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดที่ทำให้ชีวิตการใช้อินเตอร์เน็ตแบบ
56K ของเราในสมัยนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมากและเป็นโปรแกรมที่ทำให้ดาวน์โหลดไวขึ้นถึงสิบเท่าเพราะการแยกส่วนเป็นโปรแกรมแรกๆ
ถึงปัจจุบันจะดูเนิบนาบแต่ก็เป็นโปรแกรมที่ผมยังใช้ติดเครื่องอยู่ตลอดเวลา
และที่สำคัญมันใช้งานได้ฟรีโปรแกรมตัวนี้ฟีเจอร์อาจดูไม่โดดเด่นมาก
แต่สำหรับผมการใช้มันควบคู่กับ Flashgot บน Firefox แค่นี้ก็เพียงพอและทำได้แทบทุกอย่างแล้ว
2. DownThemAll! อันนี้อาจจะมีข้อจำกัดไปนิดนึงเพราะว่ามันเป็น Firefox Extension แต่ก็เป็นโปรแกรมตัวนึงที่ใช้งานได้ง่ายมากและติดมากับตัว Firefox เลย เหมาะกับการดาวน์โหลดแบบไม่ซีเรียสมากมายเนื่องจากมันผูกกับโปรเซสของ Firefox
เวลามันอืดแล้วอาจทำให้น่าหงุดหงิดได้
แต่ก็เป็นโปรแกรมอีกตัวที่กะทัดรัดและน่าโหลดมาใช้หากไม่อยากติดตั้งโปรแกรมแยกต่างหาก
3. JDownloader ตัวนี้เป็นโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดเฉพาะของสำหรับสาวกนักโหลดไฟล์ตามเว็บฝากไฟล์ต่างๆ
เพราะโปรแกรมตัวนี้รองรับการทำงานของเว็บฝากไฟล์ดังๆ แทบทุกเว็บ
ปัญหาเรื่องการรอกดดาวน์โหลด การใส่ captcha ก็จะหมดไปเนื่องจากตัวนี้จะถอดรหัสให้หมด
(แต่บางเว็บก็ต้องใส่เองนะจ๊ะ)
ที่สำคัญสามารถเช็คได้ว่าไฟล์ไหนโหลดได้หรือไม่ได้อีกต่างหาก
และสามารถสั่งแตกไฟล์เองเมื่อโหลดครบหรือสั่งปิดเครื่องก็ยังได้
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่นึกออกคือ โปรแกรมตัวนี้ค่อนข้างช้าในเรื่องของการทำงาน
4. Orbit
Downloader สำหรับคนชอบโหลดไฟล์วิดีโอไม่ว่าจะจากโปรโตคอลไหนๆ
หรือเว็บอะไรตัวนี้เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจมากตัวนึงเพราะฟีเจอร์การดาวน์โหลดที่บอกไปข้างต้นคือตัวชูโรงของโปรแกรมตัวนี้
รองรับโปรโตคอลเยอะมาก (HTTP, RTSP, MMP, RTMP, ETC.) เรียกว่าคุณดูหนังผ่านตัวไหนตัวนี้โหลดได้แทบหมดทุกตัวจริงๆ
และดาวน์โหลดอะไรที่ streaming มาได้เกือบทั้งหมด
ใครชอบด้านนี้ลองดูครับ เบาเครื่องด้วยนะเออ
5. MDownloader สำหรับคนที่อาจรับไม่ได้กับความอืดของ
JDownloader ตัวนี้อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ
แต่ฟีเจอร์มันก็น้อยลงเช่นกันโดยรองรับเพียงไม่กี่เว็บในตอนนี้
แต่ก็เป็นโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดอีกตัวที่กำลังมาแรงและน่าจะพัฒนาได้ไปอีกไกลในอนาคต
6.เว็บไซต์ที่ให้บริการสำหรับดาวน์โหลดซอฟต์แวร์
1. CNET – มีโปรแกรมให้เลือกดาวน์โหลดกว่า
100,000 โปรแกรม เว็บนี้ใครหลายๆคน ก็คงจะคุ้นเคยกัน
2. Brothersoft – เป็นอีกเว็บที่ได้รับความนิยม
มีการจัดหมวดหมู่โปรแกรมทั้งแบบฟรีแวร์และแชร์แวร์
3. Freedownloadscente – แหล่งรวมโปรแกรมหลากหลายประเภท ให้รอให้คุณไปค้นหา และดาวน์โหลด
4. ZDNet
downloads – เรียกได้ว่าเป็น Software Directory ที่รวบรวมโปรแกรมไว้มากมาย เป็นอีกเว็บที่ได้รับความนิยม เพราะมีโปรแกรมครอบคลุมทั้ง
Windows, Mac และ Mobile
5. Download3000 – แนะนำโปรแกรมฟรีแวร์มากมาย
มีการจัดหมวดหมู่โปรแกรมเพื่อง่ายต่อการค้นหาโปรแกรม และยังมีสคริปต่างๆ
ให้เลือกดาวน์โหลด มีโปรแกรมทั้งบน Windows และ Mac
6. All-freeware
– แหล่งรวมโปรแกรมฟรีแวร์ โปรแกรมออกใหม่อีกแห่งที่น่าสนใจ
และน่าติดตาม
7. Tucow?s
Butterscotch - แหล่งรวมโปรแกรมฟรีแวร์ที่มีโปรแกรมมากกว่า 20,000 โปรแกรม รวมไปถึงโปรแกรมบนมือถือ
8. FreewareFiles
- รวบรวมโปรแกรมฟรีแวร์ ที่ให้คุณพร้อมดาวน์โหลด
เป็นอีกเว็บที่เข้าบ่อยๆ
9. Get Jar – แหล่งรวมโปรแกรม แอพพลิเคชั่นบนมือถือ ที่ใหญ่อีกแห่ง คิดว่าหลายๆคน
ก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นแหล่งรวมโปรแกรมต่างๆ
ไว้มากมายให้เลือกดาวน์โหลดและใช้งาน Android, BlackBerry, Windows
Mobile,iPhone และ Symbian มีโปรแกรมมากกว่า
75,000 โปรแกรม
10. Majorgeeks – คุณสามารถเลือกโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณที่มีให้ดาวน์โหลดฟรี
7.ข้อแนะนำในการดาวน์โหลดข้อมูล
สำหรับผู้ที่จะทำการดาวน์โหลดแบบพิมพ์
จำเป็นจะต้องทำการติดตั้งโปรแกรม Adobe Reader ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน
โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้จาก Link ด้านล่างนี้ Acrobat
Reader 9.0.0 (สำหรับ Microsoft Windows XP ขึ้นไป
และสามารถใช้ในการป้อนข้อมูลด้วยภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ)
Acrobat
Reader 7.0.5 (สำหรับ Microsoft
Windows XP ขึ้นไป )
ถ้าหากท่านใดต้องการจะเข้าไป Download เองจากเว็บไซต์ของ Adobe โดยตรงสามารถเข้าไป Download
ได้ที่ http://www.adobe.com/products/acrobat/readstep2_allversions.htmlหรือ http://www.adobe.com
ขอแนะนำให้ใช้
Adobe
Reader เวอร์ชั่น 5.0.5 ขึ้นไป กรณีที่ในเครื่องที่ใช้งานมีการติดตั้ง
Adobe
Acrobat Professional อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Adobe
Reader เพิ่มอีก สำหรับโปรแกรม Adobe Acrobat
Professional ไม่สามารถนำมาให้ทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ Download
ไปได้เนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
โปรแกรม Adobe Reader มีขีดความสามารถดังนี้
- สามารถแสดงผลไฟล์นามสกุล .pdf และสามารถป้อนข้อมูลลงในช่องว่างที่กำหนดไว้ให้ได้
- สามารถสั่งพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ได้
- ไม่สามารถบันทึก (Save) ข้อมูลที่ป้อนลงในช่องว่างเก็บไว้ได้ ทำได้ในกรณีที่ติดตั้งโปรแกรม Adobe
Acrobat Professional
ถ้าหากท่านใดที่ติดตั้ง Adobe Reader เวอร์ชั่นล่าสุดลงไปแล้ว แต่ยังติดปัญหาการพิมพ์ภาษาไทยลงในแบบพิมพ์ หรือ
ป้อนข้อมูลที่เป็นภาษาไทยลงในช่องว่างไม่ได้เลยให้ลองตรวจสอบตามขั้นตอนดังนี้
คลิกเมนู Help ->
Check for updates now… -> จากนั้นโปรแกรมจะเช็คว่าได้ติดตั้ง Multilanguage
Support แล้วหรือยังถ้ายังให้ทำการ Update เข้าไปด้วย
โดยทำตามขั้นตอนของโปรแกรมต่อไป
8.วิธีใช้โปรแกรมประเภท FTP
ช่วยในการดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูล
1. การดาวน์โหลดไฟล์( DOWNLOAD
)
การใช้งานในอินเตอร์เน็ตที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
นอกเหนือจากส่ง E-mail
ก็คิอ การดาวน์โหลดไฟล์ (Dornload) หรือการเคลี่อนย้ายไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ตมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการอินเตอร์เน็ตมีไฟล์ต่าง
ๆ อยู่มากมาย เช่น ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอ หรือ ไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ
อีกมากมายที่สามารถรันบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้นวิธีการแยกแยะไฟล์ต่าง ๆ
ว่าเป็นไฟล์ประเภทใดบ้าง ก็จะใช้วิธีการกำหนดนามสกุล (Extension) ที่แตกต่างกันออกไป รายละเอียดของนามสกุลไฟล์ต่าง ๆ
ได้แก่.DOC,
.TXT เป็นไฟล์ที่ประกอบด้วยตัวอักษรล้วนๆ
สามารถเปิดอ่านได้โปรแกรมจำพวกMicrosoft Wordหรือ Not
Pad.WAV, .MID, .AV, .AIF เป็นไฟล์เสียงที่สามารถฟังเสียงต่าง ๆ
ได้โดยใช้ โปรแกรมMesia Player, sound Recorder ฯลฯ.BMP,
.GIF, .JPG, .PIC เป็นไฟล์ประเภทรูปภาพ สามารถเปิดจากโปรแกรม Photoshopหรือ Paintbrush ก็ได้.EXE, .COM เป็นไฟล์โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ สามารถเรียกใช้งาน Start > Run บน Windows 95/98 หรือ Run บน Windows
3.11.AVI, .MOV เป็นไฟล์ประเภทภาพเคลื่อนไหว
สามารถเปิดไฟล์เหล่านี้ได้จากMedia Player บน
ลักษณะของ FTP server
ในปัจจุบัน
มีการดาวน์โหลดไฟล์ผ่านอินเตอร์เน็ตมากมาย ซึ่งมักจะใช้วิธีการที่เรียกว่า" FileTransfer
Protocol " หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า " FTP
" ซึ่งสามารถอัพโหลดไฟล์จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องอื่นบนอินเตอร์เน็ตได้FTP ทำงานในรูปแบบของ
Client / Server เช่นเดียวกับการบริการทางด้านอื่น ๆ
ของอินเตอร์เน็ต ดังนั้นจะต้องรัน FTP client บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เสียก่อน
เพื่อติดต่อไปยัง FTP server ในการร้องขอหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ต้องการ
FTP server มีโปรแกรมชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวจัดการการดาวน์โหลดไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดไฟล์
ซึ่งเรียกว่า " FTP deamon " และการติดต่อกันระหว่าง
FTP client กับ FTP server จะต้องมีการระบุ
User Name และ รหัสผ่าน (Password) เสียก่อน
สำหรับ FTP site บางแห่งอนุญาตให้ FTP client ใช้ E-mail Address ของตัวเองรหัสผ่านได้ แต่สำหรับ FTP
siteบางแห่งอนุญาตให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้เท่านั้น
เช่น สมาชิกของกลุ่มผู้ใช้เท่านั้น
วิธีการดาวน์โหลดไฟล์ส่วนมากเว็บไซต์ต่าง
ๆ มักจะมีไฟล์ให้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ แต่วิธีการดาวน์โหลดจะแตกต่างกันออกไป
แล้วแต่ผู้ออกแบบเว็บไซต์นั้น ๆ ไฟล์ต่าง ๆ ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตที่รอการดาวน์โหลด
สามารถแยกออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น ไฟล์ที่แจกฟรี (Freeware) ไฟล์ที่ให้ทดลองใช้งานก่อน (Shareware) และไฟล์ที่ต้องการชำระเงินก่อนการดาวน์โหลดไฟล์
ดังนั้นจึงควรสังเกตไฟล์หรือซอฟต์แวร์ที่ต้องการดาวน์โหลดเสียก่อน ว่าเป็นประเภทที่ตรงกับความต้องการหรือไม่
ตัวอย่างการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์
1. พิมพ์ URL ลงในช่อง Location : http://www.sharware.com/
2. เลื่อนเมาส์เพื่อค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
หรือสามารถใช้วิธีการค้นหาได้จากการพิมพ์ชื่อไฟล์ หรือชื่อซอฟต์แวร์ลงไป แล้วคลิก Search
3. คลิกเลือกซอฟต์แวร์ที่ต้องการ
4. เว็บเพจของซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนไปเรื่อย
ๆ ให้สังเกตคำว่า Downlod Now
5. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างให้บันทึกชื่อไฟล์ที่ต้องการบันทึก
6. คลิก Save
7. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างสถานะของการดาวน์โหลดไฟล์
จะต้องรอให้ครบ 100%
8. หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยโดยไม่มีปัญหาอะไร
จึงจะสามารถเรียกใช้ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาได้ทันที
2.การอัพโหลด
การโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการ
ซึ้งการใช้งานก็ตรงกันข้ามกับดาวโหลด แต่แตกต่างกัน
- ไฟล์ข้อความ (Text
File)คือ อะไร
เป็นไฟล์ที่แพร่หลายมากที่สุดในอินเทอร์เน็ต
โดยจะบรรจุข้อความตัวอักษรภาษาต่างๆ เช่นอังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย และอื่นๆ เป็นต้น
ปัจจุบันเวิลด์ไวด์เว็บนิยมใช้ไฟล์ข้อความมาก เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อีเมล์
เป็นต้น การสังเกตไฟล์ข้อความดูได้จากนามสกุล คือ .txt , .doc , .html เป็นต้น การดึงไฟล์ข้อความจากอินเทอร์เน็ตทำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย
เพราะมีใหญ่มาก
- ไฟล์เสียง (sound) เป็นไฟล์ลักษณะของเสียง ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน
- ไฟล์ภาพ
ประเภทของไฟล์ภาพที่ควรจะพบเมื่อใช้วินโดวส์
98 มีดัง BMP (Bitmap)
ไฟล์ภาพประเภทที่เก็บจุของภาพแบบจุดต่อจุดตรงๆ
เรียกว่าไฟล์แบบ บิตแมพ( Bitmap
) ไฟล์ประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่แต่สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างสมบูรณ์
แต่เนื่องจากการเก็บแบบ Bitmap ใช้เนื้อที่ในการเก็บจำนวนมาก
จึงได้มีการคิดค้นวิธีการเก็บภาพให้มีขนาดเล็กลงโดยยังคงสามารถเภาพได้เช่นเดิม
ขึ้นมาหลายวิธีการ เช่น JPEG และ GIF
JPEG ( Joint Graphics Expert Group ) เป็นการเก็บไฟล์ภาพแบบที่บีบอัด
สามารถทำภาพ ให้มีขนาดของไฟล์ภาพเล็กกว่าแบบ Bitmap หลายสิบเท่า
แต่เหมาะจะใช้กับภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่เหมาะกับการเก็บภาพเหมือนจริง
เช่น ภาพการ์ตูน เป็นต้น
GIF เป็นวิธีการเก็บไฟล์ภาพแบบบีบอัดคล้ายกับ
JPEG
โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถเก็บภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติได้มีขนาดเล็กเท่ากับแบบ
JPEG แต่สามารถเก็บภาพที่ไม่ใช่ภาพถ่ายจากธรรมชาติเช่น
ภาพการ์ตูน ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ GIF ยังสามารถเก็บภาพไว้ได้หลายๆภาพ
ในไฟล์เดียว จึงถูกนำไปใช้สร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่น ในอินเตอร์เน็ต
TIFF ( Tagged Image File Format )คือการเก็บไฟล์ภาพในลักษณะเดียวกับไฟล์แบบ BMP แต่ในไฟล์มี
Tagged File ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยโปรแกรมควบคุมการแสดงภาพ
เช่น การแสดงหรือไม่ แสดงภาพบางส่วนได้ ภาพที่เก็บไว้ในลักษณะของ TIFF จึงมีความพิเศษกว่าการเก็บแบบอื่นที่กล่าวมา
นอกจากนี้ยังมีไฟล์ภาพแบบต่างๆ อีกหลายแบบ โดยแต่ละแบบจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
-ไฟล์วีดีโอ
เป็นข้อมูลที่ผสมกันระหว่างไฟล์ภาพและไฟล์เสียง
-ไฟล์โปรแกรม
เป็นโปรกรมต่าง ๆ
ที่ตอบสนองการใช้